เทคนิคการอุดร่องไม้ ปกปิดรอยลักษณะร่องแนวยาว
การอุดร่องไม้นั้นเป็นการปกปิดรอยที่มีลักษณะเป็นร่องตามแนวยาว โดยอาจจะเกิดมาจากสาเหตุของการรื้อถอนตะปูออกจากเนื้อไม้ เมื่อมีความต้องการนำไม้ไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ต่อ หรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ร่องไม้ที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลให้กับความแข็งแรงของโครงสร้างโดยตรง ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขให้ทันท่วงที อาจส่งผลให้ร่องไม้ที่แตกร้าวนั้นลุกลามและอาจเกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนและการบาดเจ็บของร่างกายได้ วันนี้เรามีเทคนิคการอุดร่องไม้ แบบเร่งด่วนและมีความรวดเร็ว สะดวก ประหยัดค่าใช้จ่ายมาแนะนำกันครับ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการอุดร่องไม้ โดยอุปกรณ์ที่เราจะใช้ในการอุดร่องไม้ในวันนี้นะครับเราจะมีด้วยกันอยู่ไม่กี่ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นสามารถหาได้ง่ายในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว และมีราคาที่ถูก อย่างแรกเลยคือ
- กาวร้อนหรือกาวลาเท็กซ์
- ขี้เลื่อย โดยขี้เลื่อยจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ขี้เลื่อยที่มีลักษณะเนื้อหยาบ และขี้เลื่อยที่มีลักษณะเป็นเนื้อละเอียด
- กระดาษทราย เบอร์หยาบและเบอร์ละเอียด
- ชะแล็กทาไม้
ขั้นตอนเทคนิคการอุดร่องไม้
- การขัดพื้นผิวไม้ให้เรียบเนียนเพื่อกำจัดเศษไม้และสิ่งสกปรก
- ใช้ขี้เลื่อยเนื้อหยาบโรยลงบนบริเวณที่เป็นร่องไม้ให้ทั่ว (การใช้ขี้เลื่อยในการอุดร่องไม้ ถ้าร่องของไม้มีลักษณะที่ใหญ่และยาว เราจะใช้ขี้เลื่อยหยาบอุดร่อง ส่วนถ้าร่องไม้นั้นเป็นร่องที่เล็กเราจะใช้ขี้เลื่อยละเอียดอุดร่องไม้แทน)
- จากนั้นให้ใช้กาวร้อนหยอดลงไปภายในรูเพื่อเป็นการประสานขี้เลื่อยไม้กับเนื้อไม้ให้ยึดติดกัน จากนั้นนำขี้เลื่อยละเอียดโรยลงบนกาวร้อนอีกหนึ่งครั้ง (สำหรับบ้านใดไม่มีผงขี้เลื่อย สามารถซื้อยาโป๊วเนื้อไม้สำเร็จรูปมาใช้ในงานอุดร่องไม้นี้ก็ได้)
- เมื่อกาวร้อนแห้งและแข็งตัวให้ใช้กระดาษทรายเบอร์หยาบขัดผิวให้เรียบเนียน จากนั้นเก็บงานต่อด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียด แต่ถ้าร่องที่ทำการอุดยังมีลักษณะที่ยังเป็นร่องหลงเหลืออยู่ เราสามารถนำขี้เลื่อยเนื้อละเอียดทำการโรยลงบนพื้นผิวที่เป็นร่อง จากนั้นเทกาวร้อนต่อ ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วก็ขัดเหมือนเดิม
- ลงชะแล็กบนผิวไม้เพียงเท่านี้เราก็จะได้ไม้ที่สมบูรณ์และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้อีกในหลาย ๆ งาน ถ้าอยากเพิ่มความสวยงามก็ลงน้ำยาทาสีไม้แล้วก็ทาชะแล็กตกแต่งเป็นอันเสร็จครับ
จริง ๆ แล้วเทคนิคอุดร่องไม้มีมากมายหลากหลายวิธี แต่วันนี้วิธีที่กล่าวไปจัดเป็นวิธีการที่ทุกคนสามารถทำได้ ปลอดภัย และมีต้นทุนในการซ่อมแซมที่ต่ำ ที่สำคัญที่สุดนอกจากการซ่อมแซมคือการบำรุงรักษา ทะนุถนอม ใช้งานไม่เกิดขีดจำกัด เพียงเท่านี้ก็สามารถยืดอายุการใช้งานได้แล้วครับ